“WHEN MARNIE WAS THERE” ฝันของฉันต้องมีเธอ แอนิเมชันเรื่องสุดท้ายจาก Studio Ghibli
ภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่องสุดท้ายจาก studio Ghibli ที่คุณไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง ในปี 2014 ก่อนที่ภาพยนตร์เรื่องนี้จะเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ทั่วโลก ทางค่ายจิบลิได้ออกประกาศถึงการหยุดพักงานครั้งใหญ่ของค่าย ซึ่งเรื่องส่งท้ายก็คือ When Marnie was there หรือ ฝันของฉันต้องมีเธอนั่นเอง
เรื่องย่อ “ ฝันของฉันต้องมีเธอ”
เรื่องราวของเรื่องถูกดำเนินไปด้วยเด็กหญิงคนหนึ่งชื่อ “อันนะ” เด็กหญิงผู้ซึ่งป่วยด้วยโรคหอบหืดที่อาการแย่ลงทุกวัน ๆ แพทย์จึงแนะนำให้ส่งเธอไปสูดอากาศที่ชนบทสักพักใหญ่ ๆ เห็นจะดี ครอบครัวของอันนะจึงตัดสินใจพักการเรียนและส่งเธอไปอาศัยชั่วคราวอยู่ที่บ้านลุงกับป้าของเธอที่ชนบท โดยหวังว่าอาการของเธอจะดีขึ้นเมื่อได้ไปฟอกปอดอยู่ที่นั่น
อันนะ ดูเผิน ๆ อาจจะเหมือนเด็กทั่วไป แต่แท้จริงแล้วเธอไร้ซึ่งความร่าเริง ขาดมนุษยสัมพันธ์ และไม่สามารถเข้ากับเพื่อนร่วมชั้นของเธอได้ เธอไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองมีความสุข และนั่นยิ่งทำให้เธอเกลียดตัวเองมากขึ้นทุกวัน ๆ เนื้อเรื่องค่อย ๆ ดำเนินอย่างช้า ๆ และเปิดความจริงออกมาทีละนิดว่าแท้จริงแล้วเธอเป็นเด็กกำพร้าที่ถูกครอบครัวนี้รับมาจากสถานสงเคราะห์เด็ก
จุดเปลี่ยนของเรื่องมาเกิดตอนที่อันนะได้เจอกับ “มาร์นี่” เด็กสาวผมทองที่อาศัยอยู่บ้านทรงยุโรป ในอีกฝั่งนึงของแม่น้ำ มาร์นี่ร่าเริงและแจ่มใสมาก เรียกได้ว่าคนละขั้วกับอันนะเลยทีเดียว อันนะรู้สึกถูกชะตากับมาร์นี่และรู้สึกคุ้นเคยกับบ้านทรงยุโรปนี้อย่างบอกไม่ถูก ความรู้สึกของเธอจึงพาตัวเธอไปหามาร์นี่ถึงหน้าบ้านบ่อยๆ
แต่แล้ววันหนึ่ง มาร์นี่ก็ได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย และไม่มีแม้แต่จดหมายร่ำลาถึงอันนะ เธอโศกเศร้าเสียใจมาก และท้ายที่สุดของเรื่องฝันของฉันต้องมีเธอนี้ก็ได้เฉลยตอนจบที่รับรองว่าทุกคนจะต้องคาดไม่ถึงเลยทีเดียว
สิ่งที่น่าสนใจในเรื่อง “ ฝันของฉันต้องมีเธอ”
บทหนังเรื่องนี้ช่างผูกปมของเรื่องในทุก ๆ จุดได้อย่างแนบเนียนจริง ๆ น่าสนใจที่เนื้อเรื่องที่ดำเนินไปตลอดหนึ่งชม.นิด ๆ เก็บความลับได้ดีมาก ๆ จนแล้วจนรอดคนดูก็ยังนึกไม่ถึงตอนจบของเรื่อง ต้องยอมรับเลยว่าครั้งแรกที่ดูเรื่องนี้เข้าใจว่าจะต้องเป็นการนำเสนอในรูปแบบหญิงรักหญิง มีความวายเล็ก ๆ แน่นอน แต่ผิดคาด ผู้กำกับสามารถตคลายปมของเรื่องได้ดีมาก ๆ วางตอนจบมาได้อบอุ่น เต็มไปด้วยความรัก ความห่วงใย
ทำเอาน้ำตาชื้นกันได้ง่าย ๆ ทั้งภาพละมุนละไมในธรรมชาติงานถนัดของจิบลิเค้าล่ะ ผสมผสานกับการแปลเพลง Fine On The Outside โดย Priscilla Ahn เนื้อเพลงช่างเหงาเศร้าโดดเดี่ยวเหมือนถูกสร้างมาให้คู่กับเรื่องนี้จริง ๆ ถึงแม้เรื่องนี้จะไม่หวือหวาหรือเป็นเรื่องที่ดีที่สุดของจิบลิ
แต่เรียกได้ว่าเป็นหนังสั่งลาที่กินใจ เหมือนจิบลิกำลังจะบอกกับพวกเราว่า อันนะจะไม่มีวันลืม มาร์นี่ ก็เหมือนพวกเขา ที่จะไม่ลืมแฟนๆของสตูดิโอจิบลิอย่างแน่นอนค่ะ อยากรู้ว่าตอนจบเป็นยังไงต้องลองติดตามกับ แอนิเมชั่นเรื่องสุดท้ายจาก Studio Ghibli “ฝันของฉันต้องมีเธอ” ได้เลยค่ะ
#อนิเมะไทย #ฉากนี้โคตรดี #ANIMEไทย #WHENMARNIEWASTHERE #StudioGhibli